วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

อารมณ์หนออารมณ์

แม่เคยบอกเราอ่ะ "พุทธแท้ต้องไม่ว่าร้ายกัน" โดยส่วนตัวบ้านเราก็ทำบุญแบบมีซองมาก็ไม่ปฏิเสธ ศีลก็ห้าบ้างแปดบ้างแล้วแต่โอกาส สมาธิก็ทำสายที่ถูกจริตตัวเอง คือ.. มันไม่มีประโยชน์เลยที่จะมาขัดขวางกันเอง ใครถูกจริตแบบไหนเขาก็เลือกที่จะไปแนวนั้น ในเมื่อเราต่างเป็นนักเดินทางที่ไปสู่ความหลุดพ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นะ บางคนก็รีบ บางคนก็เรื่อย อย่าไปว่าใครเลยถ้าเขาจะสไตล์ต่างจากเรา

อ่ะ.. คือพื้นฐานของพระพุทธศาสนาก็มีอยู่ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์ เราจะเข้มข้นแค่ไหนก็เอาที่ตัวเองรู้สึกพอดี แล้วพอเราไม่กระทบใคร เราก็ไม่ค่อยอยากให้ใครมากระทบเราเหมือนกัน หุหุ

ขนาดเราเองที่เหมือนจะไม่เรื่องมากแล้วนะ ถ้ามีอะไรมากระทบก็ยังมีอารมณ์เคืองๆ ยิ่งหากถูกดุว่ากล่าวหาในเรื่องที่ไม่เป็นจริงและเสียหายอย่างยิ่งย่อมเกิดอารมณ์ปรี๊ดเป็นตัวเองอีกโหมดไปเลย -*-

มานึกถึงคุณธรรมของหลวงพ่อธัมมชโยที่เราเคารพ ท่านนอกจากจะสอนให้มีเมตตาแล้วท่านยังทำให้เห็นเป็นเวลายาวนาน ไม่ว่าท่านจะโดนกล่าวหาทั้งจากความเข้าใจผิดไปจนกระทั่งถูกใส่ร้าย ท่านก็ยังนิ่ง และคอยปราม ให้ลูกๆ ของท่านมีเมตตา ให้คิดกับเขาด้วยความปราถนาดี ไม่มีประโยชน์ที่ต้องเป็นศัตรูกัน เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องหอบกันไปให้หมด (หมายถึงหมดกิเลสกันหมด)

คำที่เราฟังแล้วเคารพใจของหลวงพ่อธัมมชโยมากคือ "ที่เขาไม่เข้าใจเรา เป็นเพราะเรายังอธิบายให้เขาเข้าใจได้ไม่ดีพอ" โห.. เป็นการมองกลับมาแก้ที่ตนเองมาก เราเองยังทำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ก็น่าภูมิใจที่เลือกอาจารย์ถูกแล้ว

ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ มีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง
ตราบใดที่ยังประคับประคองกันเป็นหมู่คณะ คงจะไปถึงปลายทางที่ตั้งใจได้ด้วยกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น